
หลังจาก Nintendo Switch 2 วางขายไม่นาน ก็เริ่มมีเสียงบ่นจากผู้ใช้งานเกี่ยวกับ ปัญหาระบบสั่น ที่ปิดตัวเองอัตโนมัติระหว่างเล่นเกม โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าและไม่สามารถควบคุมได้
ข้อความที่แสดงระหว่างเล่นเกมคือ:
“Rumble has been turned off due to prolonged use”
พอข้อความนี้ปรากฏขึ้น ระบบสั่นใน Joy-Con หรือคอนโทรลเลอร์จะหยุดทำงานทันที ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมสะดุดอย่างชัดเจน
แจ้งเตือนแบบไม่บอกเหตุผล ขัดจังหวะเล่นเกม
สิ่งที่น่าหงุดหงิดไม่ใช่แค่ระบบสั่นที่ปิดตัวเอง แต่คือไม่มีคำอธิบายว่า “เพราะอะไร”
ผู้ใช้งานบางคนเล่นเกมแค่ 10–15 นาทีก็โดนตัดสั่น บางรายเล่นนานเกือบ 2 ชั่วโมงยังไม่โดน และบางคนพบว่าอยู่ดี ๆ ระบบสั่นก็กลับมาทำงานเองอีกครั้ง
ความไม่แน่นอนนี้ทำให้หลายคนรู้สึกเสียจังหวะ และไม่มั่นใจในตัวระบบของ Switch 2 ว่าจะเสถียรแค่ไหน
เกมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้
หลายเกมที่ใช้ระบบสั่นเพื่อเสริมอรรถรส ก็ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากปัญหานี้ เช่น:
- Cyberpunk 2077 – เอฟเฟกต์ยิงปืน ขับรถ หรือแรงกระแทกถูกลดทอน
- Split Fiction – เกมที่ใช้การสั่นเพื่อเน้นอารมณ์ฉาก
- Sonic Generations – เกมเร็วที่ผู้เล่นต้องพึ่ง feedback จากระบบสั่น
เมื่อระบบสั่นปิดไปแบบไม่ทันตั้งตัว เกมบางฉากจึงขาดจังหวะที่ควรจะมี หรือทำให้ควบคุมได้ยากขึ้น
ผู้เล่นบางคนตัดใจ ปิดระบบสั่นถาวร
เพื่อลดความรำคาญ ผู้เล่นบางคนตัดสินใจเข้าไปที่ Settings แล้ว “ปิดระบบสั่นถาวร” ไปเลย เพื่อไม่ให้ระบบเด้งแจ้งเตือนซ้ำ ๆ ระหว่างเล่น
แต่การปิดระบบสั่นก็เหมือนตัดความสมจริงของเกมออกไปบางส่วน ซึ่งก็น่าเสียดาย โดยเฉพาะกับเกมที่ออกแบบมาให้ระบบสั่นเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์
Nintendo ยังไม่ออกมาอธิบาย
จนถึงตอนนี้ Nintendo ยังไม่ออกมาพูดอะไรเกี่ยวกับพฤติกรรมของระบบสั่นบน Switch 2
- ไม่รู้ว่าระบบปิดตัวเองเพื่อป้องกันความร้อน?
- หรือเป็นฟีเจอร์ช่วยประหยัดแบต?
- หรืออาจเป็นบั๊กจากเฟิร์มแวร์?
สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่สบายใจกว่าคือ ไม่มีทางเลือกให้ปิดระบบเตือน หรือควบคุมได้เอง
เรื่องเล็กที่กลายเป็นจุดสะดุด
ระบบสั่นอาจดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในการเล่นเกม
แต่เมื่อมันควบคุมตัวเอง และขัดจังหวะผู้เล่น โดยที่ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ควบคุม กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ประสบการณ์เล่นเกมไม่ราบรื่น
ผู้เล่นหลายคนเริ่มเรียกร้องให้ Nintendo ปรับปรุงให้สามารถควบคุมระบบสั่นได้เอง หรืออย่างน้อยก็ให้ปิดการแจ้งเตือนได้
ที่มา: Neowin
